กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีประเทศเล็ก ๆ ประเทศหนึ่งที่สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับตัวเองโดยแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลก กลายเป็นอาณาจักรมหาศาลกว้างใหญ่ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า The sun never sets on the British Empire. = พระอาทิตย์ไม่มีวันตกดินที่อาณาจักรอังกฤษ
แต่ทุกวันนี้ ประเทศอังกฤษกลายเป็นอีกประเทศหนึ่ง (ต่อจากสหรัฐอเมริกา) ที่คนภายนอกต้องเกาหัวแล้วถามตัวเองว่า WTF? = อะไรกันวะ (WTF เป็นตัวย่อจาก What the f***? ซึ่งเป็นคำหยาบ)
การที่สหรัฐเลือกดอนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ทำให้โลกได้เห็นว่าอะไรเกิดขึ้นเมื่อมีคนจิตใจต่ำช้า ไร้เมตตา ไร้ความใคร่ครวญ ก้าวขึ้นสู่อำนาจ แต่ก็เอาเถอะครับ พอเข้าใจได้ว่าผลเลือกตั้งอาจเป็นเพราะระบบ electoral college เพราะคนเกลียด Hillary Clinton เพราะคนงานอเมริกันจำนวนมากถูกทำร้ายโดยโลกาภิวัตน์ ฯลฯ
แต่ใครจะไปคิดว่าอังกฤษ (ซึ่งเกรียงไกรมานานกว่าสหรัฐเยอะ) จะพลอยบ้าไปกับเขาด้วย ใครจะไปคิดว่านายกรัฐมนตรีซึ่งจบจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยระดับท็อปๆ ของโลก จะกระดี๊กระด๊าขนาดนี้ที่จะถอนประเทศตัวเองออกจากสหภาพยุโรป (EU) ตาม “นโยบาย” ที่เรียกว่า Brexit (รวบรัดจาก Britain exit = อังกฤษออก)
ผู้สันทัดกรณีส่วนใหญ่เห็นว่า Brexit จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของอังกฤษอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้ไอร์แลนด์เหนือกับสก็อตแลนด์พยายามแยกตัวจากอังกฤษเพื่อที่จะได้อยู่ในสหภาพยุโรปต่อไป
แต่พวก Leavers = พวกที่ต้องการออกจาก EU ถือว่าตนชนะการลงประชามติแล้ว ดังนั้นหัวเด็ดตีนขาดถึงยังไงก็ต้องออก ไม่ว่าจะตกลงกับ EU ได้หรือไม่
ประชาชนที่ลงคะแนนให้ออกเพิ่งรู้ภายหลังว่าโดนพวก Leavers หลอกและการออกจาก EU จะสร้างความเสียหายอย่างหนัก แต่รัฐบาล (ซึ่งอยู่ภายใต้พวก Leavers) ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่จะให้มีการจัดประชามติครั้งที่สอง เดี๋ยวประชาชนเปลี่ยนใจก็ไม่ได้ออกกันพอดี
แน่นอนครับ การที่ผู้นำคนหนึ่งของกลุ่ม Leavers ขึ้นมาเป็นนายกฯ ทำให้ฝ่ายค้านและพวก Remainers = พวกที่ต้องการให้อังกฤษอยู่ใน EU ต่อไป ไม่พอใจเป็นอย่างมากและเตรียมหาทางสกัดกั้นไม่ให้อังกฤษออกแบบ no-deal = ไม่มีความตกลงกับ EU เกี่ยวกับเงื่อนไขในการออก
Boris Johnson รู้แกวจึงเสนอให้พระราชินีเอลิซาเบธเห็นชอบให้มีการ prorogue รัฐสภา เปิดอีกทีก็เพียงครึ่งเดือนก่อนที่อังกฤษจะต้องออกจาก EU ในวันที่ 31 ตุลาคม
คำว่า prorogue ดูเผิน ๆ คล้าย ๆ go rogue = กลายเป็นคนที่องค์กรต้นสังกัดคุมไม่อยู่ หรือเกี่ยวกับ rogue (โรก) = วายร้าย หรือดูอีกทีเหมือนจะมาจาก pro = อาชีพ หรือ สนับสนุน กับ rogue
แต่จริง ๆ แล้วไม่เกี่ยวอะไรกับวายร้ายเลย (นอกจากคุณจะมองว่า Johnson เป็นวายร้ายในเรื่องราวทั้งหมดนี้ ซึ่งว่าไปแล้วก็เป็นไปได้)
การ prorogue (โพรโรก) รัฐสภา หรือ prorogation of Parliament (โพรโรเกชึน อัฟ พ้าร์หละหมั่นท์) หมายความว่าพักแขวนรัฐสภา ไม่ให้มีการอภิปรายหรือกิจกรรมใด ๆ ในสภา โดยมากจะทำก่อนการปิดสมัยประชุมหรือยุบสภา (ซึ่งใช้กริยา dissolve = สลาย เหมือนกับสลายด่างทับทิมในน้ำนั่นแหละครับ หรือถ้าเป็นนามก็ใช้คำว่า dissolution of Parliament)
คำที่ง่ายและคุ้นตามากกว่า prorogue ก็คือ suspend นั่นเอง (ถ้าเป็นนามคือ suspension) แต่ prorogue เป็นคำที่ใช้เฉพาะในกรณีของอังกฤษ จะไม่ค่อยเห็นใช้ในบริบทประเทศอื่น
ปกติในระบอบประชาธิปไตย นโยบายที่อาจส่งผลกระทบกว้างขวางมักจะต้องมีการอภิปรายโต้เถียงกันระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด ไม่ใช่ว่ารัฐบาลอยากทำอะไรก็ทำไปโดยไม่ฟังเสียงค้าน
การที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษตัดสินใจ prorogue รัฐสภาถูกหลายคนมองว่าเป็น constitutional crisis = วิกฤตการณ์ทางรัฐธรรมนูญ เพราะอังกฤษภาคภูมิใจกับการที่ตนไม่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรแต่ก็รักษาประชาธิปไตยมาได้ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน ดังนั้นจึงไม่มีมาตรการที่จะยับยั้ง prorogation ครั้งนี้
นอกจากนั้นยังมีคำวิจารณ์ว่านี่คือ coup = รัฐประหาร โดยกลาย ๆ เพราะเป็นการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีผ่านพระราชินีปิดปากฝ่ายค้าน
กว่าจะเปิดสภาอีกทีก็มีเวลาน้อยเต็มทนที่จะขัดขวางการ crash out = การออก (จาก EU) โดยไม่มีอะไรเป็นเครื่องรับประกันเลย
ก็คงต้องดูต่อไปครับว่าฝ่าย Remainers ยังมีไม้อะไรเหลือที่จะชักออกมาใช้ทาน Johnson ได้หรือเปล่า