ศาสนากับการเมือง

22 มีนาคม 2550

“นั่นเธอจะไปไหนน่ะ นุ่งขาวห่มขาวยังกะแม่ชี แต่ลืมโกนหัวหรือเปล่า”

“อย่ามาแซวนะ มารศรี เดี๋ยวบาปกินหัวให้จะหาว่าไม่เตือน ฉันจะไปเรียกร้องให้รัฐธรรมนูญเขียนไว้ให้ชัดเลยว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ”

“อย่างนั้นหรือ แล้วทำไมต้องเขียนด้วยล่ะ ฉันนึกว่าเราเป็นประเทศที่ secular ซะอีก”

“ก็นั่นไง เพราะเราหมกมุ่นแต่เรื่องเซ็กส์ ถึงต้องให้รัฐธรรมนูญระบุไว้เลยว่าเราเป็นเมืองพุทธ”

“ฉันไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องเซ็กส์ซะหน่อย เธออย่าหมกมุ่นนักสิ secular (เซ็กขยุหล่าร์) แปลว่า ด้านฆราวาส ไม่มีศาสนาเข้ามาข้องเกี่ยว (ถ้าเป็นคนที่เป็นฆราวาส เขาเรียกว่า layperson หรือ layman หรือถ้าเรียกโดยรวมก็เป็น laity) ประเทศที่พัฒนาแล้วมักจะแยกชัดเจนระหว่างศาสนจักรกับภาครัฐ เขาไม่ต้องการให้ศาสนามาจุ้นในกิจการของรัฐ เพราะอะไรเธอรู้ไหม”

“เพราะคนเราทุกวันนี้ไม่กลัวนรกหละสิ ใช่หรือเปล่า”

“อันนั้นฉันไม่รู้ แต่ฉันว่า Politics and religion don’t mix. = การเมืองและศาสนาผสมกันไม่ได้หรอก การปกครองโดยศาสนามักจะนำไปสู่การก่อกรรมทำเข็ญในนามของศาสนา แม้แต่ศาสนาคริสต์ซึ่งทุกวันนี้เรามองว่ามีภาพดี แต่สมัยก่อนก็มีการเข่นฆ่ากัน จับกันมาทรมานทารุณกรรมสารพัด เพียงเพราะความเชื่อทางศาสนาต่างกัน พวกที่ถูกรังควาญมากๆ ถึงกับต้องหนีข้ามน้ำข้ามทะเลจากยุโรปไปอเมริกา และถ้าเธอคิดว่าศาสนาพุทธไม่ได้เป็นอย่างนั้น ก็อย่าลืมว่าเคยมีพระสงฆ์ชื่อดังของไทยสอนว่าฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป ศาสนาอาจจะดี แต่ฉันว่าอย่าเอามาเป็นนโยบายสาธารณะเลย เก็บไว้เชื่อของใครของมันดีกว่า”

สมัครเป็นสมาชิก ดาวน์โหลดฟรีอีบุ๊ค "ฟอไฟฟุดฟิดอังกฤษอเมริกัน เล่ม 1"

* indicates required
boonhod@hotmail.com
Copyright (C) 2019 by Jakkrit Srivali. All rights reserved. สงวนลิขสิทธิ์ โดย จักรกฤษณ์ ศรีวลี
>
linkedin facebook pinterest youtube rss twitter instagram facebook-blank rss-blank linkedin-blank pinterest youtube twitter instagram