27 มีนาคม 2550
“นี่ มารศรี เธอคิดว่าโทรศัพท์มือถือนี่เป็นของจำเป็นหรือของฟุ่มเฟือย”
“เอ มาแปลกแฮะวันนี้ แล้วมือถือของเธอล่ะ เธอคิดว่าเป็น luxury item (ลักเชอรี ไอ๊ถึ่ม) หรือ basic necessity (เบสิค หนะเซ็สสะถี่)”
“ของฉันเรอะ จำเป็นสิ แน่นอนอยู่แล้ว เบอร์นึงไว้สำหรับแฟน เบอร์นึงไว้สำหรับกิ๊ก แล้วก็อีกเบอร์ไว้สำหรับคนที่ยังไม่เป็นแฟนหรือกิ๊ก”
“อืมม์ แยกแยะได้ละเอียดจัง แล้วยังมาถามฉันทำไมอีกล่ะ”
“ก็เพราะฉันคิดว่าสำหรับคนบางจำพวกมันเป็นของฟุ่มเฟือยนะ อย่างคนบ้านนอกเป็นต้น ทำไมพวกนี้ไม่รู้จักเศรษฐกิจพอเพียงเลย พอมีตังค์หน่อยก็ไปซื้อมือถือ ซื้อมอเตอร์ไซค์”
“เธอว่าอย่างนั้นหรือ เออ เธอทำให้ฉันนึกถึงเพลงเก่าเพลงหนึ่งนะ”
“เธอไม่ต้องมาหาเรื่องชมความงามของฉันหรอกย่ะ กิ๊กฉันชมมากพอแล้ว”
“เปล่า นี่เป็นเพลงที่ว่า You can’t keep them down on the farm once they’ve seen Paris เคยเป็นเพลงดังสมัยคุณทวดยังหนุ่ม”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย เดี๋ยวฉันลองแปลดูซิ คุณไม่สามารถเก็บเขาไว้บนฟาร์มได้หนึ่งครั้งที่เขาเห็นปารีส ถูกไหม”
“ก็เกือบๆ ความหมายมันคือ เมื่อเขาได้เห็นปารีสแล้ว จะให้เขาพอใจกับชีวิตทำไร่ทำนาต่อไปได้อย่างไร เขาก็อยากเป็นแบบปารีสมั่งสิ คนต่างจังหวัดเห็นชีวิตสุขสบายของคนกรุงเทพฯ ก็อยากสุขสบายบ้าง มีมือถือก็โทรไปเช็คราคาข้าวเปลือกได้ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ผู้รับซื้อรายนี้ให้ราคาไม่ดีก็โทรหารายอื่นได้ มีพลังต่อรองมากขึ้น เธออย่าไปอยาก keep them down on the farm เลย”
“อ้าว ถ้าเขาอยากได้อยากดีกันหมดแล้วใครจะปลูกข้าวให้ฉันกินล่ะ”
Session expired
Please log in again. The login page will open in a new tab. After logging in you can close it and return to this page.